วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สมุนไพรแก้ไอ

สมุนไพรแก้ไอ
สมุนไพรแก้ไอนั้นมีมากมาย ลองเลือกนำไปใช้กันดูน่ะค่ะกระเทียมใช้กระเทียมและขิงสดอย่างละเท่ากัน ตำละเอียดละลายกับน้ำอ้อยสด คั้นน้ำจิบแก้ไอขับเสมหะและทำให้เสมหะแห้งหรือคั้นกระเทียมกับน้ำมะนาว เติมเกลือใช้จิบหรือกวาดคอก็ได้ ขิงมีวิธีใช้ขิงเป็นยาแก้ไออยู่หลายวิธี อาจใช้ต้มกับน้ำพอเดือด ชงด้วยน้ำเดือด คั้นน้ำขิงโดยใช้กระสายยา คือ น้ำมะนาวก็ได้ ขนาดที่ใช้ตั้งแต่ 5-30 กรัม ทั้งนี้เนื่องจากขิงเป็นอาหารและไม่ปรากฎความเป็นพิษ ขนาดรับประทานจึงขึ้นกับความชอบของผู้ใช้ด้วย ดีปลีสำหรับการไอมีเสมหะ ควรใช้ดีปลีประมาณครึ่งผล ตำละเอียดเติมน้ำมะนาว และเกลือเล็กน้อย กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ มะนาวใช้น้ำมะนาว 1 ถ้วยชา ผสมน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือเล็กน้อย ชงน้ำอุ่นดื่มบ่อยๆ หรือน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ จิบแก้ไอ นอกจากนี้น้ำมะนาวยังใช้เป็นน้ำกระสายยาของสมุนไพรที่ใช้แก้ไออื่นๆ เช่น ดีปลี กระเทียม เป็นต้น มะขามใช้มะขามเปียก 3 กรัม จิ้มเกลือรับประทาน มะขามเปียกอาจมีเชื้อโรคและทำให้ท้องเสียได้ จึงควรนำมะขามเปียกมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย จะได้ยาขับเสมหะที่มีรสกลมกล่อม ข้อควรระวัง มะขามเปียกมีฤทธิ์เป็นยาระบายด้วย จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป มะขามป้อม ใช้ผลสด ตำคั้นน้ำดื่มหรือกัดเนื้อเคี้ยวอมบ่อยๆ สับปะรดเนื่องจากสับปะรดเป็นผลไม้ที่คนไทยรับประทานอยู่แล้วจึงไม่จำกัดขนาด แต่ถ้ารับประทานมาก กรดที่มีปริมาณสูงจะกัดเยื่อบุช่องปากได้ มะแว้งเครือใช้ผลมะแว้งเครือสด 5-6 ผล ล้างให้สะอาดเคี้ยวอมไว้ กลืนเฉพาะน้ำจนหมดรสขมแล้วคายกากท้องเสีย หรือจะกลืนทั้งน้ำและเนื้อก็ได้ หรือใช้ผลสด 5-10 ผล โขลกพอแตกคั้นเอาแต่น้ำใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆเวลาไอ มะแว้งต้น ใช้ผลมะแว้งต้นสด 5-6 ผล ล้างให้สะอาดเคี้ยวอมไว้ กลืนเฉพาะน้ำจนหมดรสขมแล้วคายกากท้องเสีย หรือจะกลืนทั้งน้ำและเนื้อก็ได้ หรือใช้ผลสด 5-10 ผล โขลกพอแตกคั้นเอาแต่น้ำใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆเวลาไอ เพกาใช้เมล็ดครั้งละ ครึ่งถึง 1 กำมือ (หนัก 1 1/2-3 กรัม) ใส่น้ำประมาณ 300 cc. ต้มไฟอ่อนพอเดือดประมาณ 1 ชั่วโมง รับประทานวันละ 3 ครั้ง
สมุนไพรรักษาโรคกระเพาะ
ภูมิปัญญาแบบไทยๆ ที่คนโบราณใช้เยียวยารักษาโรคกระเพาะ โดยไม่ต้องพึ่งยาฝรั่ง ลองเอาไปใช้ดูน่ะค่ะ กล้วยน้ำว้า นำผลมาปอกเปลือก หั่นเป็นแว่นบางๆ ตากแดดให้แห้ง บดให้ละเอียดเป็นผง ใส่ขวดเก็บไว้ ใช้ผง 1-2 ช้อนโต๊ะชงน้ำร้อนดื่ม หรือผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน กินก่อนอาหารและก่อนนอน ขมิ้นชัน ใช้เหง้าแก่สด ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบางๆ ตากแดดจัด 1-2 วัน บดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน หินครั้งละ 3-5 เม็ด (ถ้าบรรจุแคปซูล กินครั้งละ 2 แคปซูล) วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน ว่านหางจระเข้ ใช้ใบสดที่เพิ่งตัดออกจากต้น นำมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกส่วนที่มีสีเขียวออกให้หมดเหลือแต่วุ้นใส หากมียางสีเหลืองติดที่วุ้นให้ล้างออกก่อน หั่นวุ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 3 นิ้ว ล้างให้สะอากอีกครั้ง กินวันละ 2 เวลา ก่อนอาหารเช้า เย็น กระเจี๊ยบเขียว ใช้ผักลวกกินน้ำพริกทุกวัน เมือกลื่นๆ ในผลกระเจี๊ยบเขียว ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้ หัวปลี นำปลีกล้วยน้ำว้ามาเผา แล้วบีบเอาแต่น้ำ ได้ประมาณครึ่งแก้ว ดื่มก่อนอาหาร รสชาติฝาดเฝื่อน กินยากมาก แต่มีตนกินติดกันประมาณ 3 วัน อาการปวดกระเพาะที่อักเสบเรื้อรังมานานหายสนิท
สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและวัยกลางคน ซึ่งมีสาเหตุมาจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลที่รับประทานเข้าไปได้หมดจึงทำให้น้ำตาลคั่งอยู่ในเลือด ถ้ามีน้ำตาลในเลือดมากจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ วิธีรักษาที่ดีที่สุดคือการรักษาระดับน้ำตาลในร่างกายไม่ให้สูงขึ้น รวมทั้งการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้อง งดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดจากโรคเบาหวาน ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากโรคเบาหวาน - ทานอาหารที่เป็นประโยชน์การ เลือกรับประทานอาหารคนไทยในสมัยนี้มักจะถือค่านิยมของวัฒนธรรมตะวันตก เน้นการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ซึ่งมีระดับไขมันสูง รับประทานผัก น้อยลงทั้งที่ผักนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรามาก สมุนไพรไทยหลายชนิดที่ช่วยในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ได้แก่ มะระ ส่วนใหญ่จะใช้มะระขี้นก โดยใช้ผลดิบแก่ที่ยังไม่สุก และยอดอ่อน ใช้เนื้อรับประทานเป็นผักจิ้ม ผลของมะระนำมาลวกรับประทานกับน้ำพริก ส่วนผลมะระจีน ใช้ประกอบอาหาร เช่นแกงจืด ผัด สรรพคุณทางยาตามตำรายาไทย เป็นยารสขม ช่วยเจริญอาหาร น้ำคั้นจากผลช่วยแก้ไข้ และใช้อมแก้ปากเปื่อย ผลของมะระจีนที่โตเต็มที่แล้วนำมาหั่นตากแห้งชงกับน้ำร้อน ใช้ดื่มแทนน้ำชา แก้โรคเบาหวาน ใบสดของมะระขี้นกหั่นชงกับน้ำร้อนใช้ถ่ายพยาธิเข็มหมุดและนอกจากนั้นในผลและใบของมะระยังมีสารที่มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่ พี-อินซูลิน (p-insulin) ซึ่งเป็นสารโปรตีน และคาแรนติน(charantin) ซึ่งเป็นสารผสมของสเตียรอยด์ กลัยโคไซด์ 2 ชนิด ตำลึง ตำลึงเป็นผักพื้นบ้าน ที่มีคุณค่าทางด้านอาหารสูง :ประกอบด้วยวิตามิน 10 แร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินอื่น ๆ อีกมาก ยอดตำลึงใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่นแกงจืด ผัดผัก ลวกจิ้ม น้ำพริก แกงเลียง ใส่ก๋วยเตี๋ยว นอกจากจะมีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารสูง ในตำลึงยังพบกรดอะมิโน หลายชนิดในผลตำลึงพบสารคิวเดอร์ บิตาขึ้น –บี (cucurbitacinB)
สรรพคุณทางยาใบและเถาตำลึงมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยมีการทดลองใช้น้ำคั้นจากใบและเถาตำลึง น้ำคั้นจากผลดิบ และสารสกัดจากเถาตำลึงด้วยแอลกอฮอล์ พบว่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่เป็นเบาหวานได้ เตยหอม ใบเตยมีสีเขียว น้ำคั้นจากใบเตย มีกลิ่นหอมนำมาใช้แต่งสีขนม แต่งกลิ่นอาหาร นอกจากนี้ยังนิยมนำมาเป็นเครื่องดื่ม น้ำที่ได้จากใบเตยมีสารสำคัญหลายชนิด เช่น ไลนาลิลอะซีเตท (Linalyl acetate),เบนซิลอะซีเตท (benzyl acetate), ไลนาโลออล(Linalool), และเจอรานิออล (geraniol) และมีสารหอมคูมาริน(Coumarin) และเอททิลวานิลลิน(ethyl vanilin) สรรพคุณทางยา ในตำรายาไทย ใช้ใบเตยสดเป็นยาบำรุงหัวใจ ให้ชุมชื่นช่วยลดอาการกระหายน้ำ รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ใช้รักษาเบาหวาน น้ำต้มรากเตยสามารถลดน้ำตาลในเลือดของสัตว์ทดลองได้ ตรวจร่างกายเป็นประจำ และรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ป้องกันภาวะแทรกซ้อน - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลรักษาร่างกาย ระมัดระวังไม่ให้เกิดแผล เพราะจะทำให้แผลหายช้า สำหรับท่านที่ยังไม่เป็นโรคเบาหวานก็ควรปฏิบัติตัวตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น จะเป็นการป้องโรคได้ดีที่สุด สมุนไพรรักษาโรคไต
สมุนไพรบำรุงไต สามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเภท1. ประเภทที่บำรุงไตโดยตรง แก้กระษัย ไตพิการจริง ๆ 2. ประเภทที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยขับน้ำออกจากร่างกายเหมาะสำหรับคนที่ไตมีปัญหาขับน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกายไม่เก่ง สมุนไพรไทยบำรุงไต อาจจะต้องใช้เป็นประจำทุกวัน สมุนไพรที่มีอยู่ทั่วไป ที่พอจะหาได้ง่าย และสามารถนำไปใช้โดยไม่มีผลข้างเคียง ยกตัวอย่างเช่น - เกสรหรือไหมข้าวโพดและซังข้าวโพด เอาตากแห้งแล้วต้มน้ำดื่มแทนน้ำ สรรพคุณ : แก้ไตอักเสบ ขับปัสสาวะ แก้บวมน้ำ - ใบข่อย ใช้ต้มน้ำแบบใบชาดื่มแทนน้ำ สรรพคุณ : แก้ไตพิการ ขับปัสสาวะ - ใบ ต้น และรากหรือเหง้าของเตย ต้มดื่มแทนน้ำสรรพคุณ : แก้กระษัย ไตพิการ ขับปัสสาวะ - ดอกบานไม่รู้โรยเฉพาะดอกสีขาว ใช้ต้มน้ำดื่มแบบน้ำชาแทนน้ำสรรพคุณ : แก้กระษัย แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับปัสสาวะ - เปลือก เหง้า และตะเกียงสับปะรด ต้มกับน้ำจนเดือด เคี่ยวนาน 15 นาทีสรรพคุณ : แก้กระษัย บำรุงไต ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว - หญ้าใต้ใบทั้งต้น ต้มกับน้ำจนเดือด เคี่ยวนาน 15 นาที สรรพคุณ : กระตุ้นสมรรถภาพไต - ต้นหญ้าหนวดแมว หั่นตากแห้งชงกินแบบน้ำชาต่างน้ำสรรพคุณ : แก้กระษัย ทำให้ไตมีกำลัง ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว - ถั่วเหลือง กินเป็นนมถั่วเหลือง หรือเต้าหู้ เป็นประจำ หรือจะใช้สารสกัดจากถั่วเหลืองที่ชื่อไอโซฟลาโวน หรือเจนีสเตอิน ครั้งละ 1 เม็ด (25 -30 มก.) วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารสรรพคุณ : เสริมสมรรถภาพไต ทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้น - ผลหม่อน กินสดทั้งผล มีสารประกอบของวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์สูงมาก สรรพคุณ : บำรุงไต แก้อาการอักเสบของเนื้อไต
สมุนไพรขับปัสสาวะมีสมุนไพรไทยหลายชนิดที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นการขับเอาน้ำออกจากร่างกาย ลดอาการบวมน้ำได้ดี ที่หาได้ง่ายและไม่มีผลข้างเคียง สามารถเอามาต้มน้ำดื่มหรือกินเป็นอาหารได้เช่น ลูกเดือย ใบเตย น้ำเต้า ตะไคร้ กระเจี๊ยบ กระชาย บวบเหลี่ยม อ้อย (ลำต้น) เป็นต้น
สมุนไพรรักษามะเร็ง
สภาวิจัยแห่งชาติสนับหนุนนักวิจัยจากธรรมศาสตร์ ซึ่งค้นพบว่าสารสกัดจากสมุนไพร 3 ชนิดคือ มะขามป้อม สมอไทยและ สมอพิเภก สามารถหยุดมะเร็งและยับยั้งเซลล์ร้าย โดยทดลองฆ่าเซลล์มะเร็งที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการวิจัยได้ผลดี แต่ยังไม่ได้ศึกษาในสัตว์และผู้ป่วยจริง เผยผลวิจัยปูทางผลิตเป็นยาสยบมะเร็งสำคัญที่คร่าชีวิตคนไทย ทั้งมะเร็งตับ ปอด ปากมดลูกและอื่นๆ ผศ.ดร.สีหณัฐ ธนาภรณ์ สาขาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก สารสกัดสมุนไพร 3 ชนิดนี้ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ การทดลองใช้ระบบมาตรฐานของสหรัฐ โดยเพาะเลี้ยงเซลล์ในจานหลุมและนำสารสกัดมาทดสอบทีละชนิด พบว่ามะขามป้อม สมอไทยและสมอพิเภก สามารถช่วยลดสารก่อมะเร็ง ทั้งยังฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีอีกด้วย ด้าน ดร.ชาตรี งามกิติเดชากุล สาขาชีวเคมี สถานวิทยาศาสตร์ฯ หนึ่งในทีมวิจัย เสริมว่า เซลล์มะเร็งที่ทีมวิจัยนำมาทดสอบด้วยการเพาะเลี้ยง ได้แก่ เซลล์มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก รังไข่ ลำไส้และเต้านม ผลสรุปที่แน่ชัดว่า มะขามป้อม สมอพิเภกและสมอไทย มีฤทธิ์ยับยั้งและสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ 100% โดยมีหลักฐานการทดลองยืนยันถึง 6 ขั้นตอน จากนั้นจะนำไปทดสอบในเชิงคลินิก หรือทดสอบในคนต่อไป [ ข้อมูลจาก น.ส.พ.คมชัดลึก ] สำหรับสมุนไพรเพื่อการป้องกันมะเร็งนั้นมี ผักและผลไม้ ดังนี้อโวคาโด ต้านมะเร็งตับ บร็อกโคลี่ ลดการเกิดมะเร็งเต้านม กะหล่ำปลี ป้องกันมะเร็ง ต้นกะหล่ำดอก ลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งทวารหนัก ลดการเจริญของเนื้องอกในหนูทดลอง แครอท ช่วยเต้ามะเร็งปอด มะเร็งลำคอ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก แต่มีคำเตือนว่า ไม่ควรรับประทานเป็นสารสกัด เพราะมีผลรายงานว่าก่อให้เกิดมะเร็งได้ พริก ลดการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร ผักจำพวกกะหล่ำ ช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมากและอื่นๆ มะเดื่อหวาน ฆ่าแบคทีเรีย และทำให้เซลล์มะเร็งลดลง กระเทียม กระเทียมช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อสู้กับมะเร็ง ทำให้การเจริญเติบโตของมะเร็งที่กระเพาะอาหารช้าลง ผลไม้จำพวกส้ม วิตามิน C, ช่วยกวาดล้างสารมะเร็ง และยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม องุ่น ป้องกันมะเร็ง ขิง ช่วยป้องกันมะเร็ง เห็ด เพิ่มภูมิคุ้มกัน และช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เห็ดหลินจือ - ช่วยต้านมะเร็ง และเป็นยาอายุวัฒนะ ถั่ว (Nuts) มีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และลดการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก ส้ม/มะนาว ป้องกันการเกิดมะเร็ง มะละกอ ยับยั้งการเกิดมะเร็งปากมดลูก สาหร่ายทะเล ลดการเกิดมะเร็งเต้านม มีสารป้องกันการกระจายของเซลล์มะเร็ง ชา (Tea) ต้านมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน ถั่วเหลือง ลดการเกิดมะเร็งเต้านม และต่อมลูกหมาก มะเขือเทศ ช่วยลดการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งเต้านม ขมิ้นชัน ป้องกันมะเร็งลำไส้ / ลำไส้ใหญ่

2 ความคิดเห็น:

  1. เอ้อ...ไคกว่าเก่าอยู่เด้อ
    ดีกว่ามื้อแรกอยู่ดอก...
    ถ้าเป็นภาษาไทยเอิ้นว่า
    ...เจ๋งเป้ง...

    ตอบลบ
  2. มีเนื้อหาสาระมากเลยค่ะ เหนือความคาคหมายเลย
    ดูไม่ค่อยรับกับใบหน้าเลยเนาะ!(อันนี้แซวเล่นเด้อ)
    พี่ชอบเรื่องวิถีชีวิตอีสานมาก...ขอบอกเป็นเวปแรกที่
    copyเนื้อหาออกมาอ่านจ้า...พี่จุ้มหลิมค่ะ
    www.mozestonen.blogspot.com
    ซ่อยเบิ่งเเหน่เด้อ

    ตอบลบ